ก่อนไปเลือกชุดแต่งงานที่ร้านควรเตรียมตัวอะไรบ้าง
1. ลูกค้าจะต้องทราบถึงพิธีการคราวๆว่า มีการจัดพิธีการแบบใดบ้าง สถานที่จัดงาน จัดที่ไหน รูปแบบ งานอย่างไร
- จัดงานพิธีหมั้นแบบจีน, ยกน้ำชา, รับตัว-ส่งตัว หรือพิธีหมั้นแบบไทย
ที่มีทำบุญ เลี้ยงพระ หลั่งน้ำพระพุทธมนต์ และงานเช้าประเภทอื่นๆ งานพิธีในโบสถ์ งานเลี้ยง RECEPTION หรือ งาน AFTER PARTY และสถานที่ ที่ใช้ในการจัดงาน นั้นเป็น ที่บ้าน ที่โรงแรม INDOOR หรือ OUTDOOR
2. ชุดที่ใช้ในวันงานควรจะเลือกที่เหมาะสมกับพิธีการและสถานที่ - งานพิธีหมั้นจีน, ยกน้ำชา,รับตัว-ส่งตัว งานพิธีการเหล่านี้ส่วนมากจะใช้เป็น ชุดเดรสสั้น แต่จะเป็นเดรสยาว หรือ ชุดไทย ก็ได้ ( สำหรับลูกค้าที่มีพิธีหมั้นเช้า และจะมีพิธีเลี้ยงกลางวันต่อเลย จะใช้แค่ 1ชุด หรือ เปลี่ยนเป็น ชุดราตรียาวใหญ่อีก 1 ชุด ก็ได้ แล้วแต่รูปแบบงาน และพิธีการ )
- งานพิธีหมั้นไทย ทำบุญเลี้ยงพระ หลั่งน้ำพระพุทธมนต์ และพิธีไทยอื่นๆ สำหรับพิธีการเหล่านี้ ขอแนะนำว่าควรจะใช้เป็น ชุดไทยประเภทใดๆก็ได้ ไม่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับชุดเดรสสั้นนะครับ
- งานพิธีในโบสถ์ ต้องขึ้นอยู่กับโบสถ์ที่นั้นๆ ด้วยว่าสามารถใส่ชุดที่เป็นเกาะอกได้หรือไม่ แต่โบสถ์ส่วนใหญ่จะไม่สามารถเลือกใส่ เกาะอกได้ ดังนั้น ลูกค้าควรเลือกชุดแต่งงาน ที่มีแขนเพื่อความเรียบร้อยในระหว่างการทำพิธี ลูกค้าควรคำนึงด้วยว่า ชุดที่ใส่ในพิธีโบสถ์นั้น จะใส่ต่อในพิธีฉลองเย็นด้วยหรือไม่ ถ้าลูกค้าเลือกใส่ชุดเดียวกัน อาจจะเพิ่มแขนประเภทต่างๆเพิ่ม สำหรับพิธีในโบสถ์ และถอดแขนออก เป็นชุดเกาะอกในพิธีเลี้ยงเย็น เพื่อให้ชุดออกมาเป็น 2 สไตส์ก็ได้ สามารถปรึกษากัน และแจ้งกับทางร้านได้เลย หากลูกค้าที่เลือกใส่คนละชุดอยู่ แล้วก็สามารถเลือกแบบที่แตกต่างกันได้ ตามความชอบของเจ้าสาวแต่ละท่านได้เลยครับ
- งานเลี้ยง RECEPTION งานเลี้ยงฉลองนี้ ก่อนอื่นก็จะควรทราบก่อนว่า จะฉลองตอนไหน สถานที่อะไร และรูปแบบงานเป็นอย่างไร ส่วนมากก็จะ ฉลองเย็น บางคู่ฉลอง 2 วัน 2 ที่ บางคู่ก็ฉลองต่อจากพิธีเช้าเลย เพื่อความสะดวกของเวลา ส่วนสถานที่ ก็ต้องเลือกชุดให้เหมาะสม กับสถานที่ด้วย เพราะเวลาที่อยู่ในงานแล้วจะได้ทำพิธีการต่างๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
- ชุดเจ้าสาวสำหรับงานเลี้ยง ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะใส่กี่ชุด สำหรับ บางคู่ ( ชุดแรก ใส่ถ่ายรูปกับแขก หน้างาน ชุดที่ 2 ใส่ตอน เดินเปิดตัวเข้างาน และขึ้นเวที ) หรือแบบไหน สไตล์ไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบและรูปร่างของลูกค้า ให้เหมาะสมกับสถานที่จัดงานนั้นๆๆ
- งาน AFTER PARTY ( ไม่มีแบบจำกัดแน่นอนว่าแบบไหน อยู่ที่สไตล์และความชอบล้วนๆ ) ส่วนมากลูกค้าจะเลือกชุดสั้น หรือ ชุดหน้าสั้นหลังยาว เพื่อความสะดวกในการ เคลื่อนตัว และบรรยกาศ ของงาน ออกไปทางแสงสี ลูกค้าจะเลือกใส่สีอะไรๆก็ได้
ลักษณะ ชุดที่อยากใส่
พอเรามีประเภทชุดที่ต้อง ในพิธีการต่างๆแล้ว ก็ต้องมาดูกันว่าต้องการชุดใน ลักษณะไหน
- ชุดเช่า
คือ ชุดที่มีโชว์ ให้เห็น ให้ลองใส่ได้เลย จะมีทั้ง ที่เป็นชุดเช่า มือ1 ที่เป็นชุดใหม่ ทั้งที่ถ่ายลง MAGAZINE ชุดใหม่ตัดโชว์หน้าร้าน หรือชุด มือ 2, มือ 3 ตามลำดับ - ชุดตัดเช่า ชุดตัดซื้อ
คือ ชุดที่มีการ ออกแบบ ตัดเย็บ ขึ้นมาใหม่ ให้เหมาะสม และตรงตามต้องการกับรูปร่าง ของคนใส่ รวมถึงแบบ ชุดด้วย ที่พอใส่ชุดเสร็จแล้ว ต้องนำคืนร้าน สำหรับตัดเช่า หรือ นำกลับเลย สำหรับชุดตัดเช่า
* งบประมาณที่ใช้ในแต่ละชุด แต่ละประเภท ย่อมมีวัตถุดิบ อุปกรณ์ และค่าแรงช่าง ที่แตกต่างกัน ย่อมทำให้ราคาของชุดแต่ละชุดแตกต่าง กันด้วยนะครับ สำหรับลูกค้าที่ได้วันแต่งงานที่แน่นอนแล้ว ก็ต้องเลือกว่าจะใช้ชุดลักษณะไหน
- สำหรับชุดเช่า ก็เลือกชุดเช่า ที่ว่างไม่มีป้ายจองได้เลยครับ หรืออาจมีป้ายจองแล้ว แต่จะต้องเป็นวันที่ ใส่ชุดนั้นที่หลัง ( ชุดเช่าของทางร้าน เราจะมีการล็อคชุด สำหรับลูกค้าที่จองอยู่แล้ว และต้องใส่ตามคิว หรือถ้าจะใส่ ต้องใส่หลังคนที่จองไว้ก่อนอยู่แล้ว ไม่ว่ากรณีใดๆ )
- สำหรับชุด ตัดเช่า ตัดซื้อ ก็ต้องมีเวลา ให้สำหรับการทำงานด้วยนะครับ
( เพราะแต่ละเดือนมีการจำกัด จำนวนของชุดที่ตัดเช่านะครับ )
ข้อมูลการนัดลองชุด
1 . แจ้งชื่อลูกค้า เดือนแต่ง วัน และเวลาที่จะเข้ามาลองชุด ( สาขาด้วยนะครับ )การแจ้งมี 2 ช่องทาง - ทางโทรศัพท์
สาขา ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ 02-716-6551-2
สาขา สมุทรปราการ 02-701-6871
ขอย้ำ ต้องนัดและโทรแจ้งให้ถูกสาขา นะครับ- นัดทาง LINE
LINE ID : bubpha_wedding โดยแจ้งข้อมูล ตาม ข้อ 1 ได้เลยครับ
2 . แจ้งประเภทชุด ที่ต้องการเข้ามาลองได้เลยครับ- สำหรับลูกค้า ที่มีแบบที่ต้องการลอง สำหรับ ชุดแต่งงาน ชุดไทย ชุดสั้นไม่ว่าจะเป็นทรงกระโปรง แบบเสื้อ หรือสีชุด ก็สามารถ ติดแบบนั้นๆ เข้ามาลอง และขอคำปรึกษากับทางร้านได้เลยครับ
*** สำหรับลูกค้าที่เข้ามาลองชุดแล้ว ยังไม่ได้ทำสัญญา สามารถเข้ามาลองชุดได้ แต่อาจจะไม่ได้เยอะมากนะครับ